พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

จาก วิกิคำคม
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง (ค.ศ. 1868) รวมสิริดำรงราชสมบัติ 42 ปี 22 วัน เสด็จสวรรคต เมื่อวันเสาร์ เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ปีจอ (23 ตุลาคม ค.ศ. 1910) ด้วยโรคพระวักกะ รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา

พระราชเสาวนีย์[แก้ไข]

  • บัดนี้ ทรงพระราชดำริเห็นสมควร จะขยายการศึกษาในโรงเรียนนี้ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น คือไม่เฉพาะสำหรับผู้ที่จะเล่าเรียนเพื่อรับราชการเท่านั้น ผู้ใด ที่มีความประสงค์จะศึกษาวิชาชั้นสูงก็ให้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ทั่วกัน เหตุฉะนั้น ควรประดิษฐานขึ้นเป็นชั้นมหาวิทยาลัย ให้เหมาะแก่ความต้องการแห่งสมัยเสียทีเดียว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐาน "โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" เป็นมหาวิทยาลัย พระราชทานนามว่า "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เพื่อเป็นอนุสาวรีย์สมพระเกียรติแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง

พระบรมราโชวาท[แก้ไข]

2428[แก้ไข]

  • การซึ่งจะให้ออกไปเรียนครั้งนี้ มีความประสงค์มุ่งหมายแต่จะให้ได้วิชาความรู้อย่างเดียว ไม่มั่นหมายจะให้เป็นเกียรติยศชื่อเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดในชั้นซึ่งยังเป็นผู้เรียนวิชาอยู่นี้เลย เพราะฉะนั้นที่จะไปครั้งนี้อย่าให้ไว้ยศว่าเป็นเจ้า ให้ถือเอาบรรดาศักดิ์เสมอลูกผู้มีตระกูลในกรุงสยาม คือ อย่าให้ใช้ฮิสรอเยลไอเนสปรินซ์นำหน้าชื่อ ให้ใช้ชื่อเดิมของตัวเฉย ๆ เมื่อผู้อื่นเขาจะเติมหน้าชื่อหรือจะเติมท้ายชื่อตามธรรมเนียมอังกฤษ เป็นมิสเตอร์หรือเอสไควร์ก็ตามทีเถิด อย่าคัดค้านเขาเลย แต่ไม่ต้องใช้คำว่านายตามอย่างไทย ซึ่งเป็นคำนำของชื่อลูกขุนนางที่เคยใช้แทนมิสเตอร์ เมื่อเรียกชื่อไทยในภาษาอังกฤษบ่อย ๆ เพราะว่าเป็นภาษาไทยซึ่งจะทำให้เป็นที่ฟังขัด ๆ หูไป
  • เงินค่าที่จะใช้สอยในการเล่าเรียน กินอยู่ นุ่งห่มทั้งปวงนั้น จะใช้เงินพระคลังข้างที่ คือเงินที่เป็นส่วนสิทธิ์ขาดแต่ตัวพ่อเอง ไม่ใช้เงินที่สำหรับจ่ายราชการแผ่นดินเงินรายนี้ได้ฝากไว้ที่แบงค์ ซึ่งจะได้มีคำสั่งให้ราชทูตจ่ายเป็นเงินสำหรับเรียนวิชาชั้นต้น 5 ปีๆ ละ 320 ปอนด์ เงิน 1,600 ปอนด์ สำหรับเรียนวิชาชั้นหลังอีก 5 ปี ๆ ละ 400 ปอนด์ เงิน 2,000 ปอนด์ รวมเป็นคนละ 3,600 ปอนด์ จะได้รู้วิชาเสร็จสิ้นอย่างช้าใน 10 ปี แต่เงินนี้ฝากไว้ในแบงค์ คงจะมีดอกเบี้ยมากขึ้น เหลือการเล่าเรียนแล้วจะได้ใช้ประโยชน์ของตัวเองโดยชอบใจ เป็นส่วนยกให้ เงินส่วนของใครจะลงชื่อเป็นของผู้นั้นฝากเอง แต่ในกำหนดยังไม่ถึงอายุ 21 ปีเต็ม จะเรียกเอาเงินใช้สอยเองมิได้ จะตั้งผู้จัดการแทนไว้ที่นอกให้เป็นผู้ช่วยจัดการไป เงินฝากไว้แห่งใดเท่าใด และผู้ใดเป็นผู้จัดการ จะได้ทำหนังสือมอบให้อีกฉบับหนึ่ง สำหรับที่จะได้ไปทวงเอาในเวลาต้องการได้ การซึ่งใช้เงินพระคลังข้างที่ไม่ใช้เงินแผ่นดินอย่างเช่นเคยจ่ายให้เจ้านายและบุตรข้าราชการไปเล่าเรียนแต่ก่อนนั้น เพราะเห็นว่ามีลูกมากด้วยกัน การซึ่งให้มีโอกาสและให้ทุนทรัพย์ซึ่งจะได้เล่าเรียนวิชานี้เป็นหลักทรัพย์มรดกอันประเสริฐดีกว่าทรัพย์สินเงินทองอื่น ๆ ด้วยเป็นของติดตัวอยู่ได้ไม่มีอันตรายที่จะเสื่อมสูญ ลูกคนใดที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี หรือไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี ก็ต้องส่งไปเรียนวิชาทุกคน ตลอดโอกาสที่จะเป็นไปได้ เหมือนหนึ่งได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ลูกเสมอ ๆ กันทุกคน ก็ถ้าจะใช้เงินแผ่นดินสำหรับให้ไปเล่าเรียนแก่ผู้ซึ่งไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กลับมาไม่ได้ทำราชการคุ้มกับเงินแผ่นดินที่ลงไป ก็จะเป็นที่ติเตียนของคนบางจำพวกว่า มีลูกมากเกินไปจนต้องใช้เงินแผ่นดินเป็นค่าเล่าเรียนมากมายเหลือเกิน แล้วซ้ำไม่เลือกเฟ้นเอาแต่ที่เฉลียวฉลาดจะได้ราชการ คนโง่ คนเง่าก็เอาไปเล่าเรียนให้เปลืองเงิน เพราะค่าที่เป็นลูกของพ่อไม่อยากจะให้มีมลทินที่พูดติเตียนเกี่ยวข้องกับความปรารถนา ซึ่งจะสงเคราะห์แก่ลูกให้ทั่วถึงโดยเที่ยงธรรมนี้ จึงมิได้ใช้เงินแผ่นดิน
  • จงรู้สึกตัวเป็นนิจเถิดว่า เกิดมาเป็นเจ้านาย มียศบรรดาศักดิ์มากจริงอยู่ แต่ไม่เป็นการจำเป็นเลยว่า ผู้ใดเป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นจะต้องใช้ราชการอันเป็นช่องที่จะหาเกียรติยศชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติ ถ้าจะว่าตามการซึ่งเป็นมาแต่ก่อน เจ้านายซึ่งจะหาช่องทำราชการได้ยากกว่าลูกขุนนาง เพราะเหตุที่เป็นผู้มีวาสนาบรรดาศักดิ์มาก จะรับราชการในตำแหน่งต่ำ ๆ ซึ่งเป็นกระไดขั้นแรก คือ เป็นนายรองหุ้มแพรมหาดเล็ก เป็นต้น ก็ไม่ได้เสียแล้ว จะไปแต่งตั้งให้ว่าการใหญ่โตสมแก่ยศศักดิ์ เมื่อไม่มีวิชาความรู้และสติปัญญาพอที่จะทำการในตำแหน่งนั้นไปได้ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น เจ้านายจะเป็นผู้ได้ทำราชการ มีชื่อเสียงดีก็อาศัยได้แต่สติปัญญาความรู้และความเพียรของตัว เพราะฉะนั้นจงอุตสาหะเล่าเรียนโดยความเพียรอย่างยิ่ง เพื่อได้มีโอกาสที่จะทำการให้เป็นคุณแก่บ้านเมืองของตนและโลกที่ตัวได้มาเกิด ถ้าจะถือว่าเกิดมาเป็นเจ้านายแล้วนิ่ง ๆ อยู่จนตลอดชีวิตก็เป็นสบาย ดังนั้นจะไม่ผิดอันใดกับสัตว์ดิรัจฉานอย่างเลวนัก สัตว์ดิรัจฉานมันเกิดมากิน ๆ นอน ๆ แล้วก็ตาย แต่สัตว์บางอย่างยังมีหนัง มีเขา มีกระดูก เป็นประโยชน์ได้บ้าง แต่ถ้าคนประพฤติอย่างเช่นสัตว์ดิรัจฉานแล้ว จะไม่มีประโยชน์อันใดยิ่งกว่าสัตว์ดิรัจฉานบางพวกไปอีก เพราะฉะนั้นจงอุตสาหะที่จะเรียนวิชาเข้ามาเป็นกำลังที่จะทำตัวให้ดีกว่าสัตว์ดิรัจฉานให้จงได้ จึงจะนับว่าเป็นการได้สนองคุณพ่อ ซึ่งได้คิดทำนุบำรุงเพื่อจะให้ดีตั้งแต่เกิดมา
  • อย่าได้ถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน พ่อมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในบ้านเมือง ถึงจะเกะกะไม่กลัวเกรง คุมเหงผู้ใดเขาก็จะมีความเกรงใจพ่อไม่ต่อสู้หรือไม่อาจฟ้องร้องว่ากล่าว การซึ่งเชื่อใจดังนั้นเป็นการผิดแท้ทีเดียว เพราะความปรารถนาของพ่อไม่อยากจะให้ลูกมีอำนาจที่จะเกะกะอย่างนั้นเลย เพราะรู้เป็นแน่ว่า เมื่อรักลูกเกินไปปล่อยให้ไม่กลัวใครและประพฤติการชั่วดังนั้น คงจะเป็นเจ้านายมั่งมีมาก หรือว่าพ่อเป็นเจ้าแผ่นดินมีเงินทองถมไป ขอบอกเสียให้รู้แต่ต้นมือว่า ถ้าผู้ใดเป็นหนี้มา จะไม่ยอมใช้หนี้ให้เลย หรือถ้าเป็นการจำเป็นจะต้องใช้จะไม่ใช้เปล่าโดยไม่มีโทษแก่ตัวเลย พึงรู้เถิดว่าต้องใช้หนี้เมื่อใด ที่จะต้องรับโทษเมื่อนั้นพร้อมกันอย่าเชื่อถ้อยคำผู้ใดหรืออย่าหมายใจว่า โดยจะใช้สุรุ่ยสุร่ายไปเหมือนอย่างเช่นคนเขาไปแต่ก่อน ๆ แต่พ่อเขาเป็นขุนนางเขายังใช้กันได้ไม่ว่าไรกัน ถ้าคิดดังนั้น คาดดังนั้นเป็นผิดแท้ทีเดียว พ่อรักลูกจริง แต่ไม่รักลูกอย่างชนิดนั้นเลย เพราะรู้เป็นแน่ว่า ถ้าจะรักอย่างนั้น ตามใจอย่างนั้น จะไม่เป็นการมีคุณอันใดแก่ตัวลูกผู้ได้รับความรักนั้นเลย เพราะจะเป็นผู้ไม่ได้วิชาที่ปรารถนาจะให้ได้ จะไปได้แต่วิชาที่จะทำให้เสียชื่อเสียง และได้ความร้อนใจอยู่เป็นนิจ จงนึกไว้ให้เสมอว่า เงินทองที่แลเห็นมาก ๆ ไม่ได้เป็นของหามาได้โดยง่ายเหมือนเวลาที่จ่ายไปง่ายนั้น เงินที่ส่วนตัวได้รับเบี้ยหวัด หรือเงินกลางปีอยู่เสมอนั้น ก็ด้วยอาศัยเป็นลูกพ่อ ส่วนเงินที่พ่อได้หรือลูกได้ เพราะโทษแก่ตัวลูกนั่นเอง ทั้งในปัจจุบัน อนาคต เพราะฉะนั้นจงรู้เถิดว่า ถ้าเมื่อได้ทำความผิดเมื่อใด จะได้รับโทษโดยทันที การที่มีพ่อเป็นเจ้าแผ่นดินนั้น จะไม่เป็นการช่วยเหลืออุดหนุนแก้ไขอันใดได้เลย อีกประการหนึ่งชีวิตสังขารมนุษย์ไม่ยั่งยืนยืดยาวเหมือนเหล็กเหมือนศิลา ถึงโดยว่าจะมีพ่ออยู่ในขณะหนึ่ง ก็คงจะมีเวลาที่ไม่มีได้ขณะหนึ่งเป็นแน่แท้ ถ้าประพฤติความชั่วเสียแต่ในเวลามีพ่ออยู่แล้ว โดยจะปิดบังซ่อนเร้นอยู่ได้ด้วยอย่างหนึ่งอย่างใด เวลาไม่มีพ่อ ความชั่วนั้นคงจะปรากฏเป็นโทษติดตัวเหมือนเงาตามหลังอยู่ไม่ขาด เพราะฉะนั้นจงเป็นคนอ่อนน้อม ว่าง่าย สอนง่าย อย่าให้เป็นทิฐิมานะไปในทางที่ผิด จงประพฤติตัวหันมาทางที่ชอบที่ถูกอยู่เสมอเป็นนิจเถิด จะละเว้นทางที่ชั่วซึ่งรู้ได้เองแก่ตัว หรือมีผู้ตักเตือนแนะนำให้รู้แล้ว อย่าให้ล่วงให้เป็นไปได้เลยเป็นอันขาด
  • เงินทองที่จะใช้สอยในค่ากินอยู่ นุ่งห่ม หรือใช้สอยเบ็ดเสร็จทั้งปวง จงเขม็ดแขม่ใช้แต่เพียงพอที่อนุญาตให้ใช้ อย่าทำใจโตมือโตสุรุ่ยสุร่าย โดยถือตัวพ่อนั้น ก็เพราะอาศัยที่พ่อเป็นผู้ทำนุบำรุงรักษาบ้านเมือง และราษฎรผู้เจ้าของทรัพย์นั้นก็เฉลี่ยเรี่ยไรกันมาให้ เพื่อจะให้เป็นกำลังที่จะหาความสุขคุ้มกับค่าที่เหน็ดเหนื่อย ที่ต้องรับการในตำแหน่งอันสูง คือเป็นผู้รักษาความสุขของเขาทั้งปวง เงินนั้นไม่ควรจะนำมาจำหน่ายในการที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นเรื่อง และเป็นการไม่มีคุณ กลับให้โทษแก่ตัว ต้องใช้แต่ในการจำเป็นที่จะต้องใช้ ซึ่งจะเป็นการมีคุณประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นในทางชอบธรรม ซึ่งจะเอาไปกอบโกยใช้หนี้ให้แก่ลูกผู้ทำความชั่วจนเสียทรัพย์ไปนั้น สมควรอยู่หรือ เพราะฉะนั้นจึงต้องว่าไม่ยอมที่จะใช้หนี้ให้โดยว่าจะต้องใช้ให้ก็จะต้องมีโทษเป็นประกัน มั่นใจว่าจะไม่ต้องใช้อีกเพราะจะเข็ดหลาบในโทษที่ทำนั้น จึงจะยอมใช้ให้ได้ ใช้ให้เพราะจะไม่ให้ทรัพย์ผู้อื่นสูญเสียเท่านั้น ใช่จะใช้ให้โดยความรักใคร่อย่างบิดาให้บุตรเมื่อมีความยินดีต่อความประพฤติของบุตรนั้นเลย เพราะฉะนั้นจงจำไว้ ตั้งใจอยู่ให้เสมอว่าตัวเป็นคนจน มีเงินใช้เฉพาะแต่ที่รักษาความสุขของตัวพอสมควรเท่านั้น ไม่มั่งมีเหมือนใคร ๆ อื่น และไม่เหมือนกับผู้ดีฝรั่งเลย ผู้ดีฝรั่งเขามั่งมีสืบตระกูลกันมาด้วยได้ดอกเบี้ยค่าเช่าต่าง ๆ ตัวเองเป็นผู้ได้เงินจากราษฎรเลี้ยง พอสมควรที่จะเลี้ยงชีวิตและรักษาเกียรติยศเท่านั้น อย่าไปอวดมั่งอวดมีทำเทียบเทียมเขาให้ฟุ้งซ่านไปเป็นอันขาด
  • วิชาที่จะออกไปเรียนนั้นก็คงต้องไปเรียนภาษาและหนังสือในสามภาษา คือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน ให้ได้แม่นยำ ชัดเจน คล่องแคล่ว จนถึงแต่งหนังสือได้สองภาษาเป็นอย่างน้อย เป็นวิชาหนังสืออย่างหนึ่ง กับวิชาเลขให้เรียนรู้คิดใช้ได้ในการต่าง ๆ อีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น วิชาสองอย่างที่จำเป็นจะต้องเรียนให้รู้ให้ได้จริง ๆ เป็นชั้นต้น แต่วิชาอื่น ๆ ที่จะเรียนต่อไปให้เป็นวิชาชำนาญวิเศษในกิจการข้างวิชานั้น จะตัดสินเป็นแน่นอนว่าให้เรียนสิ่งใดในเวลานี้ก็ยังไม่ควรจะต้องเป็นคำสั่งต่อภายหลัง เมื่อรู้วิชาชั้นต้นพอสมควรแล้ว แต่บัดนี้จะตักเตือนอย่างหนึ่งก่อนว่า ซึ่งได้ออกไปเรียนภาษาวิชาการในประเทศยุโรปนั้น ใช่ว่าจะต้องการเอามาใช้แต่เฉพาะภาษาฝรั่งหรืออย่างฝรั่งอย่างเดียว ภาษาไทยและหนังสือไทยซึ่งเป็นภาษาของตัวหนังสือของตัวคงจะต้องใช้อยู่เป็นนิจ จงเข้าใจว่าภาษาต่างประเทศนั้นเป็นแต่พื้นของความรู้ เพราะวิชาความรู้ในหนังสือไทยที่มีผู้แต่งไว้นั้นเป็นแต่ของเก่า ๆ มีน้อย เพราะมิได้สมาคมกับชาติอื่นช้านานเหมือนวิชาการในประเทศยุโรปที่ได้สอบสวนซึ่งกันและกันจนเจริญรุ่งเรืองมากแล้วนั้น ฝ่ายหนังสือไทยจึงไม่พอที่จะเล่าเรียน จึงต้องไปเรียนภาษาอื่นเพื่อจะได้เรียนวิชาให้กว้างขวางออก แล้วจะเอากลับลงมาใช้เป็นภาษาไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะทิ้งภาษาของตัวให้ลืมถ้อยคำที่จะพูดให้สมควรเสีย หรือจะลืมวิธีเขียนหนังสือไทยที่ตัวได้ฝึกหัดแล้วเสียนั้นไม่ได้เลย ถ้ารู้แต่ภาษาต่างประเทศ ไม่รู้เขียนอ่านแปลลงเป็นภาษาไทยได้ก็ไม่เป็นประโยชน์อันใด ถ้าอย่างนั้นหาจ้างแต่ฝรั่งมาใช้เท่าไรเท่าไรก็ได้ ที่ต้องการนั้นต้องให้กลับแปลภาษาต่างประเทศลงเป็นภาษาไทยได้ แปลภาษาไทยออกเป็นภาษาต่างประเทศได้ จึงจะนับว่าเป็นประโยชน์อย่าตื่นตัวเองว่าได้ไปร่ำเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย กลับเห็นเป็นการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น แต่ที่จริงเป็นการเสียที่ควรจะติเตียนแท้ทีเดียว เพราะเหตุฉะนั้นในเวลาที่ออกไปเรียนวิชาอยู่ขอบังคับว่าให้เขียนหนังสือถึงพ่อทุกคน อย่างน้อยเดือนละฉบับ เมื่อเวลายังเขียนหนังสืออังกฤษไม่ได้ ก็เขียนมาเป็นหนังสือไทย ถ้าเขียนหนังสืออังกฤษหรือภาษาหนึ่งภาษาใดได้ให้เขียนภาษาอื่นนั้นมาฉบับหนึ่ง ให้เขียนคำแปลเป็นหนังสือไทยอีกฉบับหนึ่ง ติดกันมาอย่าให้ขาด เพราะเหตุที่ลูกยังเป็นเด็กไม่ได้เรียนภาษาไทยแน่นอนมั่นคง ก็ให้อาศัยไต่ถามครูไทยที่ออกไปอยู่ด้วย หรือค้นดูตามหนังสือภาษาไทยซึ่งได้จัดออกไปให้ด้วย คงจะพอหาถ้อยคำที่จะใช้แปลออกเป็นภาษาไทยได้ แต่หนังสือไทยที่จะเป็นกำลังช่วยอย่างนี้ยังมีน้อยจริง เมื่อเขียนเข้ามาคำใดผิดจะติเตียนออกไป แล้วจงจำไว้ใช้ให้ถูกต่อไปภายหน้า อย่าให้มีความกลัวความกระดากว่าผิด ให้ทำตามที่เต็มอุตสาหะความแน่ใจว่าเป็นถูกแล้ว เมื่อผิดก็แก้ไปไม่เสียหายอันใด
  • จงรู้ว่าการเล่าเรียนของลูกทั้งปวงนั้น อาของเจ้า กรมหมื่นเทววงศ์วโรประการได้รับปฏิญาณต่อพ่อว่า จะตั้งใจอุตสาหะเป็นธุระในการเล่าเรียนของลูกทั้งปวงทั้งในปัจจุบันและภายหน้า พ่อได้มีความวางใจมอบธุระสิทธิ์ขาดแก่กรมหมื่นเทววงศ์วโรประการ เป็นธุระทุกสิ่งทุกอย่างในกรุงเทพฯ เมื่อมีธุระขัดข้องประการใด ให้มีหนังสือมาถึงกรมหมื่นเทววงศ์ฯ ก็จะรู้ได้ตลอดถึงพ่อและกรมหมื่นเทววงศ์ฯ นั้นคงจะเอาธุระทำนุบำรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จตลอดไปได้ ส่วนที่ในประเทศยุโรปนั้น ถ้าไปอยู่ในประเทศใดที่มีราชทูตของเราอยู่ ราชทูตคงจะเอาเป็นธุระดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีการขัดข้องลำบากประการใด จงชี้แจงความให้ท่านราชทูตทราบคงจะจัดการได้ตลอดไป เมื่ออยู่ในโรงเรียนแห่งใดจงประพฤติการให้เรียบร้อยตามแบบอย่างซึ่งเขาตั้งลงไว้ อย่าเกะกะวุ่นวายเชื่อตัวเชื่อฤทธิ์ไปต่าง ๆ จงอุตส่าห์พากเพียรเรียนวิชา ให้รู้มาได้ช่วยกำลังพ่อเป็นที่ชื่นชมยินดีสมกับที่มีความรักนั้นเถิดฯ

2444[แก้ไข]

  • วันที่ 22 ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก.120.ถึงกรมหลวงเทววงษ์วโรประการ อนุสนธิรายงานเมื่อคนนี้ฝนตกเล็กน้อย ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มไปแล้วรู้สึกเย็น.ดึกเข้าหนาวลักษณะเมืองเหนือวันนี้น้ำก็ทรงอยู่ได้ออกเรือจากเมืองพิไชย.เวลาเช้า.3.โมงมาถึง เมืองตรอนซึ่งตั้งใหม่เมื่อ.3.ปีนี้.ที่ตำบลบ้านแก่ง.ตั้งพลับพลาเยื้องที่ว่าการอำเภอขึ้นมาข้างบนสักหน่อยหนึ่ง
  • เวลาบ่ายโมง 47 นาที ออกจากวัดเต่าไห.ถึงที่ว่าการอำเภอเมืองตรอน เวลาบ่าย 3 โมง 8 นาที ได้ขึ้นไปดูที่ว่าการอำเภอ.และพระวิสูตรไปตรวจที่จะทำพลับพลาประทับแรมที่นี่เขาปลูกปรำรับ”.แสดงว่าที่ว่าการอำเภออยู่ที่ตำบลบ้านแก่ง

ไม่ทราบปี[แก้ไข]

  • สิ่งที่กษัตริย์จำเป็นต้องมีและจดจำใส่ไว้ในหัวว่า จงถ่อมเนื้อถ่อมตัว และหลีกเลี่ยงการอิจฉาอาฆาตผู้อื่น อย่ายกตัวชูตนเองว่าเหนือกว่าใคร ที่สำคัญการเป็นกษัตริย์นั้น ไม่ได้ให้ทำให้ตนเองมั่งคั่งร่ำรวย แต่มันหมายถึงตนเองจะต้องไม่ไปเกะกะระราน ไปไล่ทำร้าย กดขี่ข่มเหงทำลายคนอื่น ถ้าไม่ทำตามที่พ่อ (ร.๕) แนะนำ มันจะทำให้ตระกูลของเราสูญสิ้นพินาศลงไปด้วย
  • สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฏ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม ขอเจริญพระราชไมตรีมายังท่านผู้ อันมหาชนชาวยุไนติศเทศได้เลือกสรรว่าล้ำเลิศแล้ว ให้เป็นใหญ่รักษาแผ่นดินยูไนติศเตศเป็นผู้ชี้ขาดบังคับ การแผ่นดิน อยู่ในกาลเวลามีกำหนดคือท่านบุขแนนซึ่งได้ให้อักษรสาสน์ซึ่งมีกำหนดว่าเขียนที่เมืองวัดชิงทัน หรือท่านผู้อื่นซึ่งมหาชนได้เลือกแล้วใหม่ แลซึ่งในแผ่นดินยุไนติศเตศอเมริกามีขนบธรรมเนียมตั้งไว้ แลสืบ มาแต่ครั้งปริไสเดนด์ยอดวัดชิงตัน ให้ราษฎรทั้งแผ่นดินพร้อมใจกันเลือกสรรบุคคลที่ควรจัดไว้เป็นชั้น แล้วตั้ง ให้เปน ปริไสเดนด์ใหญ่แลปริไสเดนด์รอง ครอบครองแผ่นดินผู้ชี้ขาดว่าราชการบ้านเมืองเป็นวาระเป็นคราวมี กำหนดเพียง 4 ปี แล 8 ปี แลให้ธรรมเนียมนี้ยั่งยืนอยู่ได้ไม่มีการขัดขวางแก่งแย่งแก่กัน ด้วยผู้นั้นๆ จะช่วง ชิงอิสริยยศกันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ดังเมืองอื่นๆ ซึ่งเป็นอยู่เนืองๆ นั้นได้ ก็เห็นว่าเปนการอัศจรรย์ยิ่งนัก เปนขนบธรรมเนียมที่ควรจะสรรเสริญอยู่แล้ว
  • จำเป็นที่จะต้องจัดการบำรุงบ้านเมือง ตามเช่นที่เขาเชื่อถือทั่วกัน ว่าการบำรุงรักษาโดยทางที่ จะให้ได้ยุติธรรม จะมีได้ก็ต้องอาศัยความพร้อมเพรียง ผู้ที่เป็นเสนาบดีก็เป็นผู้แทนของราษฎรซึ่งเลือกมาต่อ ๆ ขึ้นไปเป็นชั้น ๆ ทั้งต้องรับผิดชอบทั่วกัน เหมือนอาศัยปัญญาแลความคิดความยุติธรรมของคนมากด้วยกัน การจึ่งจะเป็นที่เชื่อถือว่าเป็นยุติธรรมจริงแน่แท้แลเจริญรุ่งเรืองได้ เหตุฉะนี้จึ่งต้องจัดการบ้านเมืองเปลี่ยน แปลงพระราชประเพณีของเก่าให้เป็นประเพณีฤาคอนสติติวชั่นใหม่ ตามทางชาวยุโรป ฤาให้ใกล้ทางยุโรป ที่สุดที่จะเป็นไปได้ เหมือนดังเมืองญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเดียวในตะวันออกที่ได้เดินในทางยุโรปมาแล้ว ข้าพุทธเจ้าต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ละเอียดขึ้นอีกว่า ทางที่ข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระ กรุณาว่า เป็นคอนสติติวชั่นยุโรปนั้น หาได้ประสงค์ที่จะจะให้มีปาลิเมนต์ในเวลานี้ไม่
  • อนึ่ง เมืองพิชัยนั้นโดยภูมิฐานที่ตั้งไม่ดี มีแต่ร่วงโรยลง ที่เมืองอุตรดิตถ์นี้ความเจริญขึ้นรวดเร็ว มีการค้าขายแลผู้คนมากจนเป็นอำเภอก็จะไม่ค่อยพอที่จะปกครองรักษา ฉันจึงสั่งให้ย้ายที่ว่าการเมืองขึ้นมาตั้งที่พลับพลานี้ แต่อำเภออุตรดิตถ์ก็คงเป็นอำเภออุตรดิตถ์อยู่ อำเภอพิชัยก็คงเป็นอำเภอเมืองพิชัย ย้ายแต่ที่ว่าการเมืองแลศาลเมืองขึ้นมาตั้งที่นี่ แลพลับพลาที่สร้างขึ้นนี้จะใช้ได้ต่อไปอีกหลายปี กว่าการที่ปลูกสร้างใหม่จะแล้วสำเร็จ
  • การที่ตลาดติดได้ใหญ่โต เพราะพวกเมืองแพร่ มาลงที่ท่าเสา เหนือท่าอิดขึ้นไปคุ้งหนึ่ง พวกเมืองน่าน ลงมาข้างลำน้ำ พวกเหนือแลตะวันออกลงข้างฝากตะวันออก แต่มาประชุมกัน ค้าขายแลกเปลี่ยนกันอยู่ที่หาดนั้น แต่ก่อนสินค้าข้างล่างขึ้นมายังไม่สะดวกดังเช่นทุกวันนี้ แต่บัดนี้ ลูกค้ารับช่วงกันเป็นตอน ๆ พวกที่นี่ลงไปเพียงปากน้ำโพ พวกปากน้ำโพ รับสินค้าจากกรุงเทพเป็นการสะดวกดีขึ้น
  • ต้นข้าวในท้องนาอ้วนล่ำแลใหญ่งามสพรั่งสุดสายตา ดีกว่าที่ชวาเป็นอันมาก เมื่อสุดที่นาก็ถึงหมู่บ้าน ซึ่งล้วนเป็นสวนต้นผลไม้มีหมากเป็นต้นปลูกเยียดยัดกันเต็มแน่นไป ในหมู่บ้านฉะนี้ก็คล้ายกันกับที่ชวา แต่ของเราดีกว่าที่ล้วนเป็นต้นไม้มีผลทั้งสิ้น
  • ถึงเนินศิลาแลง ที่เป็นที่ตั้งวิหารพระแท่น ที่พระแท่นนั้นมีกำแพงแก้วล้อมรอบ เป็นกำแพงหนาอย่างวัดโบราณ มีวิหารใหญ่หลังหนึ่ง โตกว่าวิหารพระแท่นดงรัง ข้างในตรงกลางวิหารมีมณฑป ในมณฑปนั้น มีแท่นก่ออิฐถือปูน ที่กลางเป็นชองสำหรับผู้นมัสการบรรจุเงินและเข็ม ดานริมผนังหลังวิหาร มีพระพุทธรูปกองโต ต้นพุทราอยู่ในกำแพงข้างขวาวิหาร ข้างซ้ายวิหารมีมุขยื่นออกไปเป็นที่บ้วนพระโอษฐ์แลประตูยักษ์อยู่ตรงนั้น
  • มาจากพระแท่น ๓๐ เส้น ถึงเมืองทุ่งยั้ง เป็นเมืองเก่า มีกำแพงเชิงเทิน วัดมหาธาตุตั้งอยุ่จะกึ่งกลางกำแพงเมือง ได้แวะในที่นั้น พระวิหารหลวงยังคงรูปอยู่ตามเดิม มีเครื่องไม้สลักพอดีได้ เป็นของเก่าที่บานประตู องค์พระมหาธาตุนั้น สร้างขึ้นใหม่ รูปนั้นเป็นแว่นฟ้าสามชั้น แต่ไปเอาพระเจดีย์มอญมาตั้งขึ้นข้างบน ถ้าดูไม่นึกว่ากระไร ก็พอดูได้
  • ที่ซึ่งตั้งวัดนั้นเป็นเนินสูงขึ้นไปหน่อย มีกำแพง ๔ ด้านอย่างเดียวกันกับพระมหาธาตุทุ่งยั้ง แต่มุมข้างหนึ่งย่อออกไปสำหรับพระอุโบสถ วัดข้างเหนือนี้ใช้พะระอุโบสถเล็ก แลพระวิหารหลวงใหญ่ พระอุโบสถที่กล่าวมาแล้วนั้น คือที่ไว้พระฝาง ซึ่งเชิญลงไปไว้วัดเบญจมบพิตร ฐานยังคงอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นพระฝางจึงได้ขาดฐาน ฐานที่ทำขึ้นไปใช้ไปพลางเดี๋ยวนี้เลวกว่าของเดิมมากนัก
  • ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพชอบ เป็นหลักสำคัญ ผู้ที่จะสามารถประพฤติชอบและหาเลี้ยงชีพชอบได้ด้วยนั้น ย่อมจะมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งหลักธรรมทางศาสนา เพราะสิ่งแรกเป็นปัจจัยสำหรับใช้กระทำการทำงาน สิ่งหลังเป็นปัจจัยสำหรับส่งเสริมความประพฤติ และการปฏิบัติงานให้ชอบคือให้ถูกต้องและเป็นธรรม
  • การจับผู้ร้ายนั้นไม่ถือเป็นความชอบเป็นแต่นับว่าผู้นั้นได้กระทำการครบถ้วนแก่หน้าที่เท่านั้น แต่จะถือเป็นความชอบต่อเมื่อได้ปกครองป้องกันเหตุร้ายให้ชีวิตและทรัพย์สินของข้าแผ่นดินในท้องที่นั้น อยู่เย็นเป็นสุขพอควร ดังนั้นข้าราชการตำรวจต้องพึงระลึกไว้ว่าการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในเขตพื้นที่รับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุร้ายแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ของตนเองนั่นแหล่ะคือความสำเร็จในการทำหน้าที่ ข้าราชการตำรวจอย่างแท้จริง

พระราชหัตถเลขา[แก้ไข]

  • อนึ่ง เมืองพิชัยนั้นโดยภูมิฐานที่ตั้งไม่ดี มีแต่ร่วงโรยลง ที่เมืองอุตรดิตถ์นี้ความเจริญขึ้นรวดเร็ว มีการค้าขายแลผู้คนมากจนเป็นอำเภอก็จะไม่ค่อยพอที่จะปกครองรักษา ฉันจึงสั่งให้ย้ายที่ว่าการเมืองขึ้นมาตั้งที่พลับพลานี้ แต่อำเภออุตรดิตถ์ก็คงเป็นอำเภออุตรดิตถ์อยู่ อำเภอพิชัยก็คงเป็นอำเภอเมืองพิชัย ย้ายแต่ที่ว่าการเมืองแลศาลเมืองขึ้นมาตั้งที่นี่ แลพลับพลาที่สร้างขึ้นนี้จะใช้ได้ต่อไปอีกหลายปี กว่าการที่ปลูกสร้างใหม่จะแล้วสำเร็จ"
  • "การที่ตลาดติดได้ใหญ่โต เพราะพวกเมืองแพร่ มาลงที่ท่าเสา เหนือท่าอิดขึ้นไปคุ้งหนึ่ง พวกเมืองน่าน ลงมาข้างลำน้ำ พวกเหนือแลตะวันออกลงข้างฝากตะวันออก แต่มาประชุมกัน ค้าขายแลกเปลี่ยนกันอยู่ที่หาดนั้น แต่ก่อนสินค้าข้างล่างขึ้นมายังไม่สะดวกดังเช่นทุกวันนี้ แต่บัดนี้ ลูกค้ารับช่วงกันเป็นตอน ๆ พวกที่นี่ลงไปเพียงปากน้ำโพ พวกปากน้ำโพ รับสินค้าจากกรุงเทพเป็นการสะดวกดีขึ้น"
  • "ต้นข้าวในท้องนาอ้วนล่ำแลใหญ่งามสพรั่งสุดสายตา ดีกว่าที่ชวาเป็นอันมาก เมื่อสุดที่นาก็ถึงหมู่บ้าน ซึ่งล้วนเป็นสวนต้นผลไม้มีหมากเป็นต้นปลูกเยียดยัดกันเต็มแน่นไป ในหมู่บ้านฉะนี้ก็คล้ายกันกับที่ชวา แต่ของเราดีกว่าที่ล้วนเป็นต้นไม้มีผลทั้งสิ้น"
  • "ถึงเนินศิลาแลง ที่เป็นที่ตั้งวิหารพระแท่น ที่พระแท่นนั้นมีกำแพงแก้วล้อมรอบ เป็นกำแพงหนาอย่างวัดโบราณ มีวิหารใหญ่หลังหนึ่ง โตกว่าวิหารพระแท่นดงรัง ข้างในตรงกลางวิหารมีมณฑป ในมณฑปนั้น มีแท่นก่ออิฐถือปูน ที่กลางเป็นชองสำหรับผู้นมัสการบรรจุเงินและเข็ม ดานริมผนังหลังวิหาร มีพระพุทธรูปกองโต ต้นพุทราอยู่ในกำแพงข้างขวาวิหาร ข้างซ้ายวิหารมีมุขยื่นออกไปเป็นที่บ้วนพระโอษฐ์แลประตูยักษ์อยู่ตรงนั้น"
  • "มาจากพระแท่น ๓๐ เส้น ถึงเมืองทุ่งยั้ง เป็นเมืองเก่า มีกำแพงเชิงเทิน วัดมหาธาตุตั้งอยุ่จะกึ่งกลางกำแพงเมือง ได้แวะในที่นั้น พระวิหารหลวงยังคงรูปอยู่ตามเดิม มีเครื่องไม้สลักพอดีได้ เป็นของเก่าที่บานประตู องค์พระมหาธาตุนั้น สร้างขึ้นใหม่ รูปนั้นเป็นแว่นฟ้าสามชั้น แต่ไปเอาพระเจดีย์มอญมาตั้งขึ้นข้างบน ถ้าดูไม่นึกว่ากระไร ก็พอดูได้"
  • "ที่ซึ่งตั้งวัดนั้นเป็นเนินสูงขึ้นไปหน่อย มีกำแพง ๔ ด้านอย่างเดียวกันกับพระมหาธาตุทุ่งยั้ง แต่มุมข้างหนึ่งย่อออกไปสำหรับพระอุโบสถ วัดข้างเหนือนี้ใช้พะระอุโบสถเล็ก แลพระวิหารหลวงใหญ่ พระอุโบสถที่กล่าวมาแล้วนั้น คือที่ไว้พระฝาง ซึ่งเชิญลงไปไว้วัดเบญจมบพิตร ฐานยังคงอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นพระฝางจึงได้ขาดฐาน ฐานที่ทำขึ้นไปใช้ไปพลางเดี๋ยวนี้เลวกว่าของเดิมมากนัก"