ราชาธิราช

จาก วิกิคำคม

ราชาธิราช เป็นวรรณกรรมแปลซึ่ง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ จัดทำขึ้นตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้รับยกย่องว่า มีความไพเราะหาที่เสมอมิได้

หน้านี้ประมวลไว้ซึ่งถ้อยคำสำนวนเด่นใน ราชาธิราช โดยจัดแบ่งตามผู้กล่าวป็นหลัก แล้วเรียงหัวข้อตามลำดับอักษรไทย

บรรยาย[แก้ไข]

"พระเจ้าตราพระยาก็สั่งให้จุดไฟเผาป่าขึ้น หวังจะให้กองทัพพระเจ้าฟ้ารั่วระส่ำระสายเป็นอันตรายด้วยอำนาจเพลิง"

พระเจ้าตราพระยาเผาค่ายพระเจ้าฟ้ารั่ว

"สมเด็จพระร่วงเจ้าทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า สำหรับบุญเขาแล้ว ก็เอาไปให้เขาเถิด จึงสั่งให้เกณฑ์ชาวบ้านตราเลิก ชาวบ้านกลอง ห้าร้อยคน อำมาตย์ผู้หนึ่งเป็นนาย คุมพระยาช้างเผือกมาส่ง แต่แม่ช้างนั้นให้เอากลับคืนมา...ครั้นไปถึงท่าจะลงแพนั้น พระยาช้างเผือกจึงให้แม่ช้างลงแพก่อน ตัวพระยาช้างจึงลงต่อภายหลัง คนห้าร้อยซึ่งไปส่งนั้นจึงว่า ท่านจะเอามารดาไปด้วยฉะนี้ ข้าพเจ้าทั้งปวงก็มิพ้นพระราชอาญาพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระยาช้างได้ฟังคำคนทั้งปวงว่าดังนั้น ก็เอางวงขึ้นพาดหลังนางพังผู้มารดา มีจักษุทั้งสองนองไปด้วยน้ำตา จึงเอางวงพยุงส่งมารดาขึ้นจากแพ คนห้าร้อยได้เห็นแล้วก็บังเกิดสังเวชใจสิ้นด้วยกัน"

ส่งช้างเผือกข้ามน้ำไปยังเมืองเมาะตะหมะ

บุคคลไม่รู้ชื่อ[แก้ไข]

เจ้าของพันธุ์ผักกาด[แก้ไข]

"เบี้ยของเจ้าเบี้ยเดียวนี้ เรามิรู้ที่จะตวงพันธุ์ผักกาดให้"

เจ้าของพันธุ์ผักกาดกล่าวแก่มะกะโท

"บุตรรามัญผู้นี้มีปัญญาฉลาดนัก นานไปจะได้เป็นผู้ดีมั่นคง"

เจ้าของพันธุ์ผักกาดคิดกับตนเอง

เทวดาเศวตฉัตร[แก้ไข]

"ซึ่งข้าศึกมาล้อมพระนครไว้ครั้งนี้ จะทรงพระวิตกไปไย พระยาช้างเผือกผู้ของพระองค์เป็นชัยมงคลอยู่แล้ว ให้เร่งแต่งที่บนยอดเขาใกล้เมืองเมาะตะมะประดับด้วยราชวัติฉัตรธง แลให้เอาอ่างทองคำใส่น้ำตั้งพิธีแล้ว จึงประดับพระยาช้างด้วยเครื่องคชาภรณ์อันงาม เชิญขึ้นไป ณ ยอดเขาซึ่งตั้งพิธีนั้น พระยาช้างก็จะสูบเอาน้ำในอ่างทองพ่นออกไปทิศใด ปัจจามิตรที่อยู่ในทิศนั้นก็จะปราชัยไปทุกทิศ"

เทวดาประจำเศวตฉัตรกล่าวแก่มะกะโท

นายช้าง[แก้ไข]

"พระยาอู่ ผัวมหาเทวี ข้าศึกตามมาไม่เป็นทุกข์ มาถามเซ้าซี้อยู่อีกเล่า"

นายช้างต่อว่าพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก ขณะที่แบกพระองค์หนีข้าศึก แต่เมื่อไปถึงตำบลใดทรงเห็นสิ่งใดก็ตรัสถามทุกเมื่อไป

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะ[แก้ไข]

"นิมิตของท่านนี้ใหญ่หลวงนัก จงเอาทรัพย์มากองลงสูงเพียงศีรษะเมื่อใดแล้ว เราจึงจะทำนายให้แก่ท่าน"

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะกล่าวแก่มะกะโท

"แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า หาบไม่ต้องบ่าท่านแล้ว ซึ่งจะค้าขายสืบไปนั้น ท่านอย่าได้กระทำเลย หาเป็นประโยชน์ไม่ ท่านจงอาสาท้าวพระยาเถิด"

บัณฑิตแห่งบ้านมะเตวะกล่าวแก่มะกะโท

เสนาบดี[แก้ไข]

"อันธรรมดาไฟไหม้ ปถพีร้อน ถึงจะมีของดีเป็นที่รัก ก็จำจะเป็นรองเท้าเหยียบไป จึงจะหนีเพลิงซึ่งร้อนได้ บัดนี้ ก็มีศึกสงครามมาจะทำอันตรายแก่บ้านเมืองแห่งเรา อันประเพณีศึก จะหย่อนกำลังหารเหือดลงนั้นก็เป็นต้นด้วยโลกีย์เป็นที่ตั้ง จึงจะเกิดกำหนัดตัดความหารเหือดลงได้ พระองค์มีพระราชธิดาอยู่ ขอให้แต่งตละแม่ศรีไปอ่อนน้อมแก่พระมหาราชเจ้าเชียงใหม่ เห็นการสงครามก็จะเหือดหายไปเป็นมั่นคง"

เสนาบดีทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

โหร[แก้ไข]

"เป็นประเพณีสืบมา พระจันทร์เป็นใหญ่กว่าดาวทั้งปวง ถ้าดาวดวงใดใกล้พระจันทร์แล้ว รัศมีพระจันทร์ก็กลบสีดาวลบหายไป อันพระจันทร์ดุจพระมหากษัตราธิราชเจ้า ดาวนั้นดุจดังเสนาบดีทั้งปวงซึ่งเป็นบริวารพระมหากษัตริย์ ครั้นเข้าใกล้พระมหากษัตริย์แล้ว อานุภาพก็หายไป บัดนี้ ดาวกฤติกาเข้าใกล้ดวงพระจันทร์ตลอดไป รัศมีก็สว่างอยู่ หามลทินมิได้ พระจันทร์ก็ส่องสว่างอยู่ด้วยกันดังนี้ ต้องในคัมภีร์โหรว่า เสนาบดีจะคิดขบถประทุษร้ายต่อพระองค์ ซึ่งจะเข้าอยู่ในป่านี้ ข้าศึกจะมีกำลังมากขึ้น ไพร่พลในกองทัพก็เจ็บป่วยเป็นอันมาก ขอเชิญเสด็จพระองค์ยกกองทัพกลับคืนพระนคร"

โหรทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก[แก้ไข]

"อ้ายพระยาน้อยนี้มันเป็นบุตรของกูก็จริง แต่ว่ารูปร่างมันหาเหมือนกูไม่ ผมก็หยิก น่องทู่ ตาพอง ลักษณะคนสามหาวหยาบช้าใจฉกรรจ์"

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกตรัสแต่ชาวสนมอยู่งาน

"ตัวเราเป็นกษัตริย์ ตั้งอยู่ในธรรมสุจริตโดยพระราชวัตรานุวัตร แลน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเรานี้ดุจมีจิตวิญญาณ ด้วยเทพยดารักษาพระพุทธศาสนาอภิบาลรักษา ถ้าผู้ใดถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแล้วมิได้ซื่อตรงประทุษร้ายต่อเรา ก็ถึงแก่ความฉิบหายดุจอ้ายมะละคอน ด้วยเทพยดาอาเพศ ใช่ฤดูฝนฝนตกฟ้าผ่าตาย ท่านทั้งหลายเห็นแล้วหรือ"

พระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกตรัสในที่ประชุมข้าราชการ

พระยาเจ้าโล้[แก้ไข]

"ท่านทำการทั้งนี้ผิด หาสมควรไม่ ถ้าทราบถึงพระมหากษัตริย์อันเป็นพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็จะถึงแก่ความตายความฉิบหาย ท่านอย่าพึงกระทำความชั่วต่อไปเลย"

พระยาเจ้าโล้กล่าวแก่มะกะโท

เพลง[แก้ไข]

"ตักกะตอยลัดอู รูปะนะโกลนโกญ ปะราตะลาญ แปลเป็นภาษาไทยว่า นางรูปงามทรามสวาทผาดหน้าดีมีศรีแก่นางทั้งหลาย ลูกชาวบ้านกล้วยป่า"

ชาวบ้านร้องเสียดสีเม้ยโกศก ลูกชาวสวนกล้วย ซึ่งได้เป็นเมียพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

"ปะดอยตุงเจิงทาสา แยกแสกกองมอกเตือนเทิง ๆ ลิคะมาระสมิตะ ปลอมฉำระปะวะสะมะงอม สมิงมะราหูเตาะมอยนายกะเตาะปอนสมิดอนมอนทิน...แปลเป็นคำไทยว่า ในเมืองตะเกิง พระบรมธาตุพระพุทธเจ้าผุดขึ้น สมิงมะราหู พระมหาเทวี หลายเขยกับป้าเมียจะใคร่ลอบรักกัน สมิงมะราหูแลพระเจ้าช้างเผือกจะร่วมเขนยกัน"

ชาวบ้านสอนให้เด็กร้องเพลงเป็นคำเสียดสีพระมหาเทวีซึ่งมีวัยแก่เฒ่าคิดจะเอาสมิงมะราหูผู้เป็นหลานเขยมาเป็นสามี

"มินเทืองฉุดกองเทืองเตินกะนายพราวพะยุสะ มิก่อจิมตะรุณพลายเตาะพะบายตละเทวีเชือง...[แปล] ว่า นกสะตือไซร้ขึ้นไข่ไว้ในต้นไม้อันคาอันซุ่ม อันสตรีแก่จะใคร่ได้สามีหนุ่ม ถันยุคลนั้นไซร้ยานลงถึงรั้งผ้า"

ชาวบ้านสอนให้เด็กร้องเพลงเป็นคำเสียดสีพระมหาเทวีซึ่งมีวัยแก่เฒ่าคิดจะเอาสมิงมะราหูผู้เป็นหลานเขยมาเป็นสามี

มหาจันทเทวี[แก้ไข]

"นี่ไว้ยศไว้อย่างไปถึงไหน...ไม่รักเป็นเอก จะรักเป็นโทละกระมัง ลูกอะไรแสนงอนสอนยากเช่นนี้"

มหาจันทเทวีตรัสแก่ตละแม่ท้าว

"แต่ก่อนได้พึ่งพ่อ พ่อหาไม่แล้ว หมายจะได้พึ่งผัว เมื่อลูกไม่คิดพึ่งผัวแล้ว ก็ฆ่าแม่เสียเถิด"

มหาจันทเทวีตรัสแก่ตละแม่ท้าว

มะกะโท/พระเจ้าฟ้ารั่ว[แก้ไข]

"ซึ่งจะเกิดยุทธนาการสงครามไปเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งปวงอย่าได้สะดุ้งตกใจ ไว้เป็นภารธุระแห่งเรา เราก็เป็นเชื้อชายชาติทหาร จะกลัวอันใดกับปัจจามิตรข้าศึก ซึ่งทำนายว่าจะได้ช้างเผือกผู้ตัวหนึ่งนั้น เราก็ดีใจหนัก จะได้เป็นพาหนะอันประเสริฐ เป็นนิมิตมหัศจรรย์แก่บารมีเรา จะเป็นศรีพระนครอันนี้"

พระเจ้าฟ้ารั่วตรัสแก่ข้าราชการ

"แม้นจะยกพลออกหักหาญรบพุ่งด้วยกองทัพพระเจ้ากำมะลานี บัดนี้ ประดุจสาดน้ำรดกัน ก็จะเสียรี้พลทั้งสองฝ่ายเป็นอันมาก"

พระเจ้าฟ้ารั่วดำริเรื่องการรบกับพระเจ้ากำมะลานี

"แต่นี้ไป ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก"

พระเจ้าฟ้ารั่วตรัสในที่ประชุมข้าราชการ

สมเด็จพระร่วงเจ้า[แก้ไข]

"ลูกรามัญน้อย จงเก็บเอาเบี้ยเบี้ยหนึ่งไว้"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสแก่มะกะโท

"จงให้ไปเจริญทีฆายุสวัสดิ์ตามนิมิตนั้นเถิด"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสประสาทพระพรแก่มะกะโท

"มีบุญดุจหนึ่งรั่วตกลงมาจากฟ้า"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสชมมะกะโท

"ช้างนี้มิได้เกิดโรคประการใด มาเป็นดังนี้ ดูก็เป็นอัศจรรย์นัก หรือจะมิควรอยู่เป็นราชพาหนะแห่งเรากระมัง...เห็นช้างเผือกจะมิพอใจอยู่ด้วยเราแล้ว ประเทศอันใดพระยาช้างชอบใจจะไปอยู่ก็ตามใจเถิด"

สมเด็จพระร่วงเจ้าตรัสแก่พระองค์เอง

สมิง[แก้ไข]

สมิงมะละคอน[แก้ไข]

"พี่ข้าพเจ้าเป็นขบถต่อพระองค์ ตัวข้าพเจ้าหาเป็นขบถด้วยไม่"

สมิงมะละคอนทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

สมิงมังละคิด[แก้ไข]

"พระยารามประเดิดเกียจคร้าน มิได้เอาพระทัยใส่ในราชการแผ่นดิน อุปมาดังต้นไม้อันหาผลมิได้ มิดังนั้น ประดุจดอกไม้อันปราศจากกลิ่นหอม ก็หาประโยชน์มิได้ เมื่อตัวความคิดน้อยแล้วสิประกอบด้วยความเกียจคร้านเล่า แต่ทัพเสนาบดียกมาเพียงนี้ยังได้ความเดือดร้อนทั้งพระนครแล้ว ถ้ามีศึกกษัตริย์ใหญ่หลวงมาจะมิเสียพระนครเป็นเชลยเสียหรือ ทั้งพระยาช้างเผือกก็จะได้ไปแก่ข้าศึก จะนิ่งอยู่ให้ครองสมบัติสืบไปมิได้"

สมิงมังละคิดกล่าวแก่อุ่นเรือน ภริยา

สมิงราชสังครำ[แก้ไข]

"พระองค์เลี้ยงดูได้ดีมา จะหนีเข้าไปหาพระตะบะเหมือนคนทั้งปวงหาควรไม่ ถึงพระตะบะจะทำโทษแก่บุตรภรรยาสักเท่าใด ก็เป็นเวรานุเวรเขาทำมาแต่ก่อนเอง จะเอาเวรเขามาใส่เวรเราได้หรือ จำจะอาสาไปกว่าจะสิ้นชีวิต"

สมิงราชสังครำคิดกับตนเอง เมื่อพระตะบะจับบุตรภริยาสมิงราชสังครำไว้ทำโทษ เพื่อบังคับให้สมิงราชสังครำละทิ้งพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือกเข้ามาสวามิภักดิ์

สมิงสะมอญ[แก้ไข]

"อันพระตะบะนี้เปรียบประดุจสุนัขจิ้งจอกอันน้อย จะมาสู้พระองค์ซึ่งเป็นพระยาราชสีห์ได้ฉันใด"

สมิงสะมอญทูลพระเจ้าอู่พระเจ้าช้างเผือก

อะขะมะมอญ[แก้ไข]

"บิดามารดา...เป็นบุพเทวดา มีพระคุณแก่เรามาหาที่สุดมิได้"

อะขะมะมอญคิดกับตนเอง

"อันการสงครามนี้ จะชนะก็ด้วยปัญญาแลความคิดเป็นประมาณ ซึ่งจะชนะด้วยรี้พลมากนั้นหามิได้"

อะขะมะมอญกล่าวแก่มะตะหยอก พ่อตา

อะลิมามาง[แก้ไข]

"มะกะโทนี้เป็นคนหยาบช้า หามีความสัตย์ซื่อตรงไม่ ไปอยู่ด้วยพระเจ้าสุโขทัย พระเจ้าสุโขทัยทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงให้เป็นดีแล้ว กลับลักพาพระราชธิดามาอีกเล่า แลบัดนี้ คนทั้งปวงนับถือว่าเป็นพี่เมียเรา พากันเข้าหาพึ่งพาเป็นอันมาก นานไปจะเป็นเสี้ยนหนามศัตรูเรา จะละไว้มิได้ จำจะคิดฆ่ามะกะโทเสีย แต่จะฆ่าโดยตรงนั้นมิได้ คนทั้งปวงจะนินทา แลพรรคพวกมะกะโทก็มีมาก เกลือกจะไม่สำเร็จ จำจะคิดฆ่าด้วยกลอุบาย"

อะลิมามางคิดฆ่ามะกะโท

อุ่นเรือน[แก้ไข]

"ธรรมดาขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแผ่นดินนี้ ต้องประพฤติให้องอาจดุจหนึ่งพระยาไกรสรสีหราช เสนาบดีพลเมืองจึงเกรงกลัว บัดนี้ พระองค์ก็ทรงพระชราภาพอยู่แล้ว จะมีผู้ใดเกรงกลัวหามิได้ ลูกชายเราก็มีอยู่สองคน ลูกชายใหญ่นั้นจะให้เป็นพระยาเสวยราชสมบัติแล้ว เราสองคนก็จะพึ่งพาอาศัยได้ถนัด ไพร่ฟ้าข้าเฝ้าทั้งปวงก็จะเกรงกลัวฉันเดียวกัน"

อุ่นเรือนกล่าวแก่สมิงมังละคิด สามี